pre-loader image

งานวิจัย R2R

ประเภทของงานวิจัย







ระดับการนำไปใช้งาน





งานวิจัยได้รับการตีพิมพ์


งานวิจัยได้รับการเผยแพร่


งานวิจัยได้รับรางวัล


พัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยวัณโรคในชุมชน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม

งานวิจัยปี
คำสำคัญ
ดื้อยา ร่างกาย วัณโรค
ประเภท
ทุติยภูมิ
ระดับของการนำไปใช้
ระดับที่ 4 นำไปใช้ทั้งจังหวัดแล้ว
ประเด็น
อื่นๆ
ที่มา:

อำเภอนาดูนมีผู้ป่วยวัณโรคเพิ่มขึ้นเรื่อยๆปี 2560– 2562 มีจำนวนผู้ป่วยวัณโรค 36ราย 40ราย 47 รายตามลำดับ ปี 2560-2562 มีผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาปีละ 1 ราย การค้นหาผู้ป่วยวัณโรคยังไม่ครอบคลุมและการเข้าถึงระบบบริการล่าช้า(สำนักวัณโรค กรมควบคุมโรค 2560) ผู้ป่วยวัณโรคไม่ได้ขึ้นทะเบียนผู้วิจัยจึงได้ทำการศึกษาทบทวนวรรณกรรมพบว่าอำเภอนาดูนไม่มีรูปแบบแนวทาง เครือข่าย ที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมในการดูแลผู้ป่วยวัณโรคในชุมชน จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับรูปแบบในการดูแลผู้ป่วยวัณโรคโดยเน้นให้การมีส่วนร่วมของชุมชุนและขยายสู่ชุมชนอื่นต่อไป

วัตถุประสงค์:

เพื่อพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยวัณโรคในชุมชนอำเภอนาดูน

ระเบียบวิธีวิจัย:

การวิจัยเป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) เลือกกลุ่มเป้าหมายแบบเจาะจง กลุ่มเป้าหมาย 87 คนประกอบด้วย ทีมสหวิชาชีพ ผู้ป่วยวัณโรค ผู้นำชุมชน อสม ชาวบ้าน ครู หมู่บ้าน3 หมู่บ้านมี 4 ระยะที่ 1ศึกษาสภาพปัญหา หมู่บ้าน ผู้ป่วยครอบครัว ผู้นำชุมชน อสม ชาวบ้าน ครู ทีมสหวิชาชีพ โดยเวทีประชาคม ประชุม ระยะที่ 2 วางแผนกิจกรรมแก้ไขปัญหามีการประชุมระดมความคิดเห็น และประชุมเชิงปฎิบัติการเพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาในทีมสหวิชาชีพ อสม ผู้นำชุมชน ผู้ป่วย ชาวบ้าน ครู ระยะที่ 3 ดำเนินการโดยการศักยภาพบุคลากรสาธารณสุข อสม ผู้นำชุมชน ผู้ป่วย ชาวบ้าน ครู อบรมให้ความรู้เรื่องวัณโรคและวัณโรคดื้อยา และทีมลงปฎิบัติการในชุมชน และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ คืนข้อมูล ระยะที่ 4ประเมินผลการดำเนินการ โดยมีการถอดบทเรียนและคืนข้อมูล

ผลการศึกษา:

เกิดรูปแบบการดูแลผู้ป่วยวัณโรคในชุมชนอำเภอนาดูนอย่างเป็นรูปธรรม มีกระบวนการและเครือข่ายดูแลผู้ป่วย มีทีมสหวิชาชีพ Caregiver จิตอาสา มีการจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชนโดยกำหนดเป็นมาตรการ แต่ยังพบว่ามีปัญหาในการประสานเครือข่ายผู้วิจัยจึงได้มีการปรับกระบวนการโดยเน้นการสร้างภาคีเครือข่ายในรูปแบบเกิด Model of buddy(เสี่ยว)ได้ยึดตามแนวทางวิถีอีสานมาพัฒนาเป็นรูปแบบโดยมีการสร้างเครือข่ายในการดูแลผู้ป่วยประกอบด้วย ผู้นำชุมชน อสม. เทศบาล โรงเรียน รพช. รพ.สต. ซึ่งผู้นำชุมชน และอสม.เป็นผู้ที่มีพลังเป็นผู้นำในการประสานงานซึ่งนำมาสู่การพัฒนาเป็นจิตอาสาและCaregiver ในการดูแลผู้ป่วยทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม จิตวิญญาณ ซึ่งเป็นรูปแบบในการดูแลผู้ป่วยวัณโรคในชุมชนอำเภอนาดูน ส่งผลทำให้เกิดการป้องกัน การมีเครือข่าย การมีสิ่งแวดล้อมที่ดี และและนำมาสู่ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น

การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในงานประจำ:

รูปแบบนี้ได้นำไปใช้ในผู้ป่วยวัณโรคในอำเภอนาดูนโดยได้นำไปใช้ในทุกโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพที่มีผู้ป่วยวัณโรคและได้ขยายผลไปในระดับจังหวัดมหาสารคามซึ่งทุกอำเภอได้นำรูปแบบModel of buddy(เสี่ยว)ไปดำเนินการดูแลผู้ป่วยในพื้นที่ของตนเองและระดับเขตสุขภาพที่ 7 แต่มีการปรับใช้ตามบริบทและสภาพปัญหาในพื้นที่นั้น

บทเรียนที่ได้รับ:

การมีส่วนร่วมของชุมชนใน การดูแลผู้ป่วยวัณโรค โดยมีการพัฒนาศักยภาพในการดูแล การมีพฤติกรรมการสร้างเสริมสุขภาพ อีกทั้งมีการปรับสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม และเกิดภาคีเครือข่ายในชุมชน และเกิดรูปแบบ Model of buddy (เสี่ยว)เป็นรูปแบบโดยมีการสร้างเครือข่ายในการดูแลผู้ป่วยวัณโรคซึ่งยึดตามแนวทางวิถีอีสาน เกิดเป็น Model ในการดูแลผู้ป่วยวัณโรคในชุมชนอำเภอนาดูน

ปัจจัยแห่งความสำเร็จ:

การมีส่วนร่วม ความเข้มแข็ง และความสามัคคี ลอดจนถึงความมีน้ำใจของภาคีเครือข่ายเป็นฐานเป็นฐานในชุมชนและแรงผลักดันในการดำเนินงานทำให้เกิดรูปแบบการดูแลผู้ป่วยวัณโรค เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ความสม่ำเสมอดำเนินงานและผู้ติดตามสนับสนุนและกำกับตลอดจนถึงให้กำลังใจแก่เครือข่าย

การสนับสนุนที่ได้รับจากผู้บริหารหน่วยงาน/องค์กร:

การสนับสนุนเชิงนโยบาย พอใจ สนับสนุนงบประมาณ พอใจ ให้คำปรึกษา พอใจ จัดอบรมให้ความรู้ในหน่วยงาน พอใจ ส่งไปอบรมเพิ่มความรู้นอกหน่วยงาน พอใจ

Keywords:

ผู้ป่วยวัณโรค

เป็นสิ่งประดิษฐ์:

ไม่เป็น

เคยได้รับการตีพิมพ์:

ไม่เคย

เคยได้รับการเผยแพร่มาก่อน:

ประชุมวิชาการระดับจังหวัด และระดับเขตสุขภาพที่7 จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดกาฬสินธุ์ 2560

รางวัลที่ได้รับ:

รางวัลชนะเลิศอันดับ1 จังหวัดมหาสารคาม และเขตสุขภาพที่7 2560

ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล
นักวิจัย
ที่ปรึกษา
คุณอำนวย
ข้อมูลเกี่ยวกับองค์กร
จังหวัด
มหาสารคาม
ภูมิภาค
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เขตสุขภาพ
เขตที่ 7
ข้อมูลอื่น ๆ
การสนับสนุน
ไม่ได้รับ
เผยแพร่เมื่อ
งานวิจัยนี้ส่งโดย
นักวิจัยส่งเอง