ภาวะแทรกซ้อนทางไตในผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงเป็นภาวะที่พบได้มากที่สุด หากไม่สามารถชะลอการเสื่อมหน้าที่ของไตได้ จะทำให้เกิดโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่มีการรักษาที่ยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูง การดำเนินงานของดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้พบว่า การตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางไตในปีงบประมาณ 2558 ขาดการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไตร้อยละ 78 วินิจฉัยไม่ถูกต้องร้อยละ10 การเข้าถึงบริการคลินิกโรคไตผู้ป่วยโรคไตระยะที่ 4-5 ได้เพียงร้อยละ28 และร้อยละ 82 ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมแบบฉุกเฉินก่อนล้างไตทางช่องท้อง จากการทบทวนการดำเนินงานพบว่าจากจำนวนผู้ป่วยกลุ่ม NCD มีจำนวนมาก การวินิจฉัยโรคไตและการบันทึกรูปแบบเดิมไม่สม่ำเสมอและต้องใช้เวลา ขาดการตรวจสอบและแก้ไขวินิจฉัยที่ไม่ถูกต้อง แนวทางการส่งต่อผู้ป่วยเพื่อเข้าถึงคลินิกโรคไตไม่ชัดเจนและล่าช้า
เพื่อพัฒนารูปแบบค้นหาและการจัดการผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนทางไตเชิงรุกในผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง และเปรียบเทียบผลการดำเนินงานการให้บริการระหว่างก่อนกับหลังการนำรูปแบบใหม่ที่พัฒนาขึ้นไปดำเนินการ
การวิจัยและพัฒนาเชิงทดลอง 1 กลุ่ม วัดก่อนและหลังการทดลองระหว่างเดือนต.ค.57 ถึงก.ย.59 กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาประกอบด้วย 2 กลุ่ม 1) ผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง จำนวน 26393 คน 2) ผู้ปฏิบัติงานได้แก่ แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่เวชสถิติ เจ้าหน้าที่สารสนเทศ ซึ่งทั้งหมดที่ปฏิบัติงานจริงขณะวัดผลการดำเนินงาน รวมทั้งสิ้น 5 คน ภายใต้แนวคิดการพัฒนาคุณภาพงาน PDCA (Plan Do Check Act) ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนารูปแบบ เครื่องมือที่ใช้การวิจัยประกอบด้วย เวชระเบียน โปรแกรม HosXp คอมพิวเตอร์ แบบบันทึกความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนาด้วยจำนวน ค่าร้อยละและค่าเฉลี่ย
ลักษณะของรูปแบบใหม่มุ่งเน้นการใช้กระบวนการด้านการบริหารจัดการและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อให้เกิดการทำงานเชิงรุก พบว่า ผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงที่มีภาวะแทรกซ้อนทางไตได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคไตระยะต่างๆ เพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 28 เป็นร้อยละ 88 การวินิจฉัยถูกต้องเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 82 เป็นร้อยละ 92 การเข้าถึงบริการคลินิกโรคไตของผู้ป่วยโรคไตระยะที่ 4-5 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 28 เป็นร้อยละ 55 ผู้ป่วยโรคไตระยะที่ 5 ได้รับการเตรียมความพร้อมสามารถล้างไตทางช่องท้องโดยไม่ต้องฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมแบบฉุกเฉินก่อนล้างไตทางช่องท้องเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 18 เป็นร้อยละ 64 ลดค่าใช้จ่ายการฟอกเลือดฯแบบฉุกเฉินจาก306500 บาท เหลือ 192000 บาท ระดับความพึงพอใจของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 78 เป็นร้อยละ 88 โดยส่วนใหญ่มีความคิดเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโดยตรง
นำไปพัฒนาแนวทางการเข้าถึงบริการคลินิกโรคไตและการรักษาของแพทย์ ระบุตัวผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วในคลินิก NCD เพื่อให้ทราบระยะการเสื่อมของไตเพื่อการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ขยายการค้นหาเชิงรุกเป็นผู้ป่วยทุกรายที่มารับบริการที่โรงพยาบาล และสามารถจัดทำเป็นรายงานเพื่อคืนข้อมูลผู้ป่วยโรคไตระยะต่างๆ ให้กับชุมชน และต่อยอดนำไปพัฒนาการรายงานข้อมูลเพื่อตอบสนอง Service plan สาขาไตด้วย
การค้นหาผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนทางไตไม่ได้พบแต่ในคลินิก NCD เท่านั้น ยังพบมีผู้ป่วยโรคไตระยะต่างๆ ที่มารับบริการกระจายอยู่ตามแผนกต่างๆ ของโรงพยาบาลและในชุมชนด้วย ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่สำคัญที่ได้นำไปสู่การวางแผนการให้บริการผู้ป่วยโรคไตที่ครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยีที่มีอยู่สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ขึ้นได้โดยไม่ต้องงบประมาณเพิ่ม
การมีส่วนร่วมจากสหสาขาวิชาชีพทีม NCD คุณภาพที่ให้ความสำคัญในการพัฒนางานการดูแลผู้ป่วยโรคไตโดยความใส่ใจมุ่งมั่นและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง การออกแบบการค้นหาโดยใช้โปรแกรม HosXp ที่สะดวก รวดเร็วและขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องโดยไม่คิดว่าเป็นการเพิ่มภาระจากงานประจำ
ผู้บริหารเห็นความสำคัญ ให้โอกาสและสนับสนุนการพัฒนางานการดูแลผู้ป่วยโรคไต และเปิดโอกาสให้นำเสนอผลงานทางวิชาการในเวทีต่างๆ รวมทั้งสหสาขาวิชาชีพทีม NCD คุณภาพ ให้ความร่วมมือในการพัฒนางานเป็นอย่างดีแบบกัลยาณมิตร
ไม่มีข้อมูล
ไม่เป็น
ไม่เคย
การประกวดผลงานคุณภาพ โรงพยาบาลโพธาราม 2560
รางวัลอันดับที่2 สสจ.ราชบุรี 2560