ในปัจจุบันอุบัติการณ์ของ Acinetobacter baumannii ที่ดื้อยากลุ่มคาร์บาพีเนมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเชื้อมีหลายกลไกในการดื้อยา การรักษาด้วยยาต้านจุลชีพจึงมีความยุ่งยากซับซ้อน อีกทั้งโรคติดเชื้อที่มีสาเหตุจาก A. baumannii ก่อให้เกิดทุพพลภาพและเสียชีวิตได้สูง ในแง่ของการควบคุมการแพร่กระจายเชื้อในโรงพยาบาล เชื้อ A. baumannii เป็นแบคทีเรียที่คงทนอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้เป็นเวลานาน ทำให้ A. baumannii เป็นสาเหตุของการติดเชื้อในโรงพยาบาลที่สำคัญทั้งการติดเชื้อที่ปอด การติดเชื้อในเลือด การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น ซึ่งการทราบการแพร่กระจายในโรงพยาบาล นับได้ว่าเป็นวิถีทางหนึ่งในการจัดการเชื้อได้ โรงพยาบาลหัวหินเป็นโรงพยาบาลทั่วไป ที่มีปัญหาการดื้อยาเพิ่มสูงขึ้น จากการผลความไวของเชื้อต่อยาในปี พ.ศ. 2553 ในเชื้อ MDR-AB (ดื้อต่อยา ceftazidime ciprofloxacin และ aminoglycoside) มีความไวต่อยา imipenem เพียงร้อยละ 1 เท่านั้น ดังนั้นจึงถือได้ว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ ทั้งการทราบชนิดการดื้อยาการควบคุมโรคติดเชื้อในโรงพยาบาล รวมถึงปัจจัยที่มีต่อผลลัพธ์การรักษาของผู้ป่วย เพื่อนำข้อมูลมาเป็นประโยชน์แก่โรงพยาบาลต่อไป
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อระบุชนิดของยีน IMP และ OXA ซึ่งเป็นยีนดื้อยากลุ่มคาร์บาพีเนม และ ศึกษาความสัมพันธ์เชิงพันธุกรรมของเชื้อ โดยใช้เทคนิค polymerase chain reaction ในสิ่งส่งตรวจซึ่งแยกได้จากผู้ป่วยที่นอนรักษาตัวใน โรงพยาบาลหัวหิน ระหว่างเดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 – กันยายน พ.ศ. 2555
เก็บเชื้อตัวอย่างที่เป็นเชื้อ A.baumannii ที่ดื้อต่อยาคาร์บาพีเนมที่ไกด้จากผู้ป่วยการสกัด Plasmidและ genomic chromosomal DNA เชื้อควบคุมที่ให้ผลบวกการออกแบบ Primer ผ่านการวิเคราะห์ด้วย polymerase chain reaction techniques และ DNA sequencing machine
เชื้อดื้อยากลุ่มคาร์บาพีเนมทั้ง 43 สายพันธุ์ ตรวจพบยีน blaOXA-23 จำนวน 42 สายพันธุ์ และ เป็นยีน blaOXA-40 like 1 สายพันธุ์ ส่วนความสัมพันธ์เชิงพันธุกรรม พบว่าสายพันธุ์ A เป็นสายพันธุ์ที่แพร่กระจายในโรงพยาบาลมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 93.02 โดยสรุปการศึกษานี้รายงานการดื้อยากลุ่มคาร์บาพีเนมของเชื้อ A. baumannii ด้วยกลไกสร้างเอนไซม์ OXA-23 ซึ่งพบในการศึกษาก่อนหน้านี้ และ เอนไซม์ OXA-40 ซึ่งเป็นรายงานแรกในประเทศไทย นอกจากนี้การพบสายพันธุ์ A แพร่กระจายในโรงพยาบาล จึงเป็นหนึ่งในสัญญาณของการควบคุมโรคติดเชื้อในโรงพยาบาลต้องให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น
ทราบกลไกการดื้อยาของเชื้อ MDR-ABในโรงพยาบาลหัวหินเพื่อนำไปสู่การวางแผนการรักษาอีกทั้งเป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับหน่วยควบคุมโรคติดเชื้อในโรงพยาบาลเพื่อการควบคุมการแพร่กระจายเชื้อต่อไป
นำข้อมูลผลการวิจัยมาสู่การวางแผนการรักษาอีกทั้งเป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับหน่วยควบคุมโรคติดเชื้อในโรงพยาบาลเพื่อการควบคุมการแพร่กระจายเชื้อต่อไป
ความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยศิลปากรและโรงพยาบาลหัวหิน ความร่วมมือจากทีมสหสาขาวิชาชีพ มีที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญด้านการติดเชื้อ
ผู้บริหารให้ความสำคัญและการสนับสนุนการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย
ไม่มีข้อมูล
ไม่เป็น
Southeast Asian J Trop Med Public Health. 2014 Jul;45(4):874-880.
ไม่เคย
ไม่เคย