ในปัจจุบันอุบัติการณ์ของ Acinetobacter baumannii ที่ดื้อยากลุ่มคาร์บาพีเนมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเชื้อมีหลายกลไกในการดื้อยา การรักษาด้วยยาต้านจุลชีพจึงมีความยุ่งยากซับซ้อน อีกทั้งโรคติดเชื้อที่มีสาเหตุจาก A. baumannii ก่อให้เกิดทุพพลภาพและเสียชีวิตได้สูง ในแง่ของการควบคุมการแพร่กระจายเชื้อในโรงพยาบาล เชื้อ A. baumannii เป็นแบคทีเรียที่คงทนอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้เป็นเวลานาน ทำให้ A. baumannii เป็นสาเหตุของการติดเชื้อในโรงพยาบาลที่สำคัญทั้งการติดเชื้อที่ปอด การติดเชื้อในเลือด การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น ซึ่งการทราบการแพร่กระจายในโรงพยาบาล นับได้ว่าเป็นวิถีทางหนึ่งในการจัดการเชื้อได้ โรงพยาบาลหัวหินเป็นโรงพยาบาลทั่วไป ที่มีปัญหาการดื้อยาเพิ่มสูงขึ้น จากการผลความไวของเชื้อต่อยาในปี พ.ศ. 2553 ในเชื้อ MDR-AB (ดื้อต่อยา ceftazidime ciprofloxacin และ aminoglycoside) มีความไวต่อยา imipenem เพียงร้อยละ 1 เท่านั้น ดังนั้นจึงถือได้ว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ ทั้งการทราบชนิดการดื้อยาการควบคุมโรคติดเชื้อในโรงพยาบาล รวมถึงปัจจัยที่มีต่อผลลัพธ์การรักษาของผู้ป่วย เพื่อนำข้อมูลมาเป็นประโยชน์แก่โรงพยาบาลต่อไป
เพื่อศึกษาร้อยละของการเสียชีวิตในช่วง 30 วัน และ ร้อยละของผู้ป่วยที่ล้มเหลวจากการรักษาโรคติดเชื้อ carbapenem-resistant Acinetobacter baumanii และศึกษาปัจจัยเสี่ยงที่สัมพันธ์กับการเสียชีวิตและการล้มเหลวจากการรักษา
การศึกษาย้อนหลังแบบไปข้างหน้า(Retrospective cohort study)จากเวชระเบียนผู้ป่วยที่ติดเชื้อ CRAB ณ โรงพยาบาลหัวหิน ตั้งแต่มกราคม 2555– ธันวาคม2555
ผลการศึกษามีผู้ป่วยเข้าการศึกษาทั้งสิ้น 73 คนพบว่ามีอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 57.5 และมีผู้ป่วยล้มเหลวจากการรักษาร้อยละ 61.6 ปัจจัยเสี่ยงที่สัมพันธ์กับการเสียชีวิตได้แก่ การได้รับยาต้านจุลชีพที่เหมาะสม (OR 0.22;95%CI 0.08-0.62) และภาวะช็อก (OR 5.80;95%CI 1.19-28.20) และปัจจัยเสี่ยงที่สัมพันธ์การล้มเหลวจากการรักษา ได้แก่ การได้รับยาต้านจุลชีพที่เหมาะสม (OR 0.11;95%CI 0.03-0.37) และภาวะช็อก (OR 10.97;95%CI 1.35-89.34) เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลแบบ multivariate พบว่าการได้รับยาต้านจุลชีพที่เหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตและการล้มเหลวจากการรักษา
จากผลการวิจัยทำให้ทราบถึงปัจจัยที่มีผลต่อผลลัพธ์ทางคลินิกของผู้ป่วยที่ติดเชื้อCarbapenem-resistant Acinetobacter baumaniiจึงสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการวางแผนในการรักษาผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม
นำข้อมูลมาพัฒนาในการวางแผนการรักษาผู้ป่วยเกี่ยวกับการใช้ยาต้านจุลชีพให้เหมาะสมต่อไป
ได้รับความร่วมมือสนับสุนนงานวิชาการระหว่างโรงพยาบาลหัวหินและมหาวิทยาลัยศิลปากร มีที่ปรึกษาที่เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ ความร่วมมือจากทีมสหสาขาวิชาชีพ
ผู้บริหารให้ความสำคัญในการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัยในโรงพยาบาลหัวหิน
ไม่มีข้อมูล
ไม่เป็น
Silpakorn U science & Tech.J.2014ฉบับที่8เล่มที่1หน้า9-17
ไม่เคย
ไม่เคย